วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557

อยากหุ่นดี ไม่อยากอ้วน ฟังทางนี้ค่ะ

ไม่อยากอ้วนอีกต่อไป มีวิ๊ง่ายค่ะ ไม่ต้องบ้าออกกำลังกาย หรืออดอาหารทำลายสุขภาพ ลองนี่ดูซิคะ




ของแท้ 100%

วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557

สร้างกำลังใจ


ถ้าเราทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ให้คิดซะว่าถ้าไม่เคย "ผิด" แล้วจะรู้จัก"ถูก" ได้อย่างไร

เรื่องจริง.......ยิ่งกว่านิยาย(๒)

ตอนที่ ๒ ความโดดเดี่ยว

             เสียงระฆังดังกระฉ่อนไปทั้งโรงเรียน เป็นเสียงบ่งบอกถึงเวลาพักกลางวัน พรและเพื่อนๆก็ไปทานอาหารที่โรงอาหารตามปกติ พรจะได้เงินมาวันละ ๑๕ บาท ซื้อข้าว ๗ เจ็ด ซื้อน้ำ ๓ บาท เหลือเงิน ๕ บาท พรก็จะเก็บไว้ไปหยอดกระปุกออมสินที่บ้าน เมื่อพรทานข้าวและซื้อน้ำแล้วเธอกับเพื่อนก็เดินไปนั่งเล่นใต้ร่มไม้ใหญ่ เพราะอากาศดีมากเย็นสบายแต่นั่งได้ไม่นานเพื่อนๆก็ชวนกันไปวิ่งไล่จับ แต่สำหรับพรเค้าไม่ได้ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนเธอเดินออกไปหามุมส่วนตัวโดยการอ่านหนังสือการ์ตูนที่ห้องสมุดคนเดียว ซึ่งในห้องสมุดก็จะมีไม่กี่คน

             เมื่อถึงเวลาเข้าชั้นเรียนพรก็เดินไปเข้าห้องเรียนและในวันนั้นคุณครูได้ให้มีการจัดโต๊ะเรียนใหม่โดยจัดให้ได้กลุ่มละ ๗ คน ซึ่งให้จัดโต๊ะเป็นสองแถวแล้วหันหน้าเข้ากันส่วนคนที่ไม่มีคู่ให้นั่งหัวมุมโต๊ะคนเดียว ซึ่งการจัดโต๊ะเรียนแบบนี้จะจัดทุกๆเทอญ ซึ่งทุกเทอญพรก็จะได้นั่งตรงมุมหัวโต๊ะคนเดียว พรเป็นเด็กที่ไม่มีเพื่อนสนิทเลยแม้แต่คนเดียวจะมีก็แต่เป็นเพื่อนในกลุ่มมากกว่า เพราะเธอเป็นเด็กที่มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมที่เพื่อนทำกันเท่าไหร่ ชอบที่จะไปนั่งอ่านหนังสือคนเดียว และเป็นเด็กไม่ค่อยพูด ฉะนั้นไม่แปลกเลยที่พรจะไม่มีเพื่อนสนิทเลยซักคน และคุณครูประจำชั้นก็จะชอบเขียนด้านหลังสมุดบันทึกเกรดเฉลี่ยของพรอยู่เสมอว่า "เรียนผู้ปกครองของน้องพร น้องพรเป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก และไม่ค่อยพูดซักเท่าไหร่ การเรียนอยู่ในเกณฑ์พอใช้ ค่ะ" แต่ว่าสมุดบันทึกที่คุณครูเขียนและให้พรเอาไปให้ผู้ปกครองดูนั้น ผู้ปกครองของพรซึ่งมีแม่และยาย คุณคิดว่าใครจะเป็นคนที่ดูและอ่านสมุดบันทึกนั่น เฉลยเลยดีกว่าค่ะ ไม่มีใครที่เปิดอ่านหรอกค่ะ เพราะแม่ของพร เมื่อพรกลับจากโรงเรียนก็ไม่เจอกันแล้วแม่ของเธอจะกลับบ้านตอนดึก ส่วนยายนั้นไม่ต้องพูดถึงแกเป็นคนแก่ที่หูหนวกตาก็ไม่ค่อยดี ฉะนั้นสมุดบันทึกที่คุณครูได้เขียนไว้ให้ผู้ปกครองของพรอ่านนั้นก็ยังอยู่ในกระเป๋าเหมือนเดิม

            วันเวลาผ่านไปถึงช่วงที่ต้องปิดเทอญใหญ่ ก่อนปิดเทอญ ๑ วัน ในแต่ละชั้นเรียนก็ได้พากันทำความสะอาดเก็บอุปกรณ์การเรียนของตัวเองให้ครบซึ่งเพื่อนๆในห้องต่างก็มีพ่อแม่มาคอยรับและพูดคุยกับคุณครูประจำชั้น ส่วนพรได้แต่นั่งหน้านิ่งมองเพื่อนๆทีและคนอย่างเดียวเพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีพ่อส่วนแม่ก็เมาเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ก่อนจะถึงเวลาคุณครูปล่อยคุณครูก็จะแจกนมกล่องให้ไปดื่มที่บ้านคนละ ๑ ลัง คิดดูซิค่ะ ว่ามันหนักมากแค่ไหน เพื่อนคนอื่นๆก็มีพ่อถือลังนมให้แม่ก็ถือกระเป๋าให้ ส่วนพร เธอคงจะปลงเธอต้องแบกลังนมออกจากโรงเรียนแบบหน้านิ่งๆเพื่อนก็มอง

             เมื่อพรหอบหิ้วสิ่งต่างๆมาถึงหน้าโรงเรียนก็พบว่ายายของเธอกำลังเดิมมาหา ใบหน้าของพรนั้นยิ้มออกได้เลยทีเดียว ยายของพรถือลังนมให้พรและก็เดินกลับบ้านด้วยกัน พอมาถึงบ้านพรก็เปลี่ยนชุด จากนั้นก็เอานมไปเก็บไว้ในบ้านและช่วยยายกวาดบ้านหุงข้าว ซึ่งถ้าถามว่าแม่ของเธอไปไหน ก็เหมือนเดิมเพราะพรมาถึงบ้านไม่เห็นแม่เธอก็รู้แล้วว่าแม่ไปไหน ทำอะไรอยู่ ความรู้สึกของเธอมันชินชาไปเสียแล้ว

วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

เรื่องจริง.......ยิ่งกว่านิยาย

ตอนที่ ๑ เด็กน่าสงสาร

             เมื่อปี พ.ศ.2534 ได้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเกิดมาด้วยน้ำหนักแรกเกิดเพียง ๒,๗๐๐ กรัม ตัวเหลืองเพราะไม่สมบรูณ์จึงต้องเข้าไปอบในตู้อบของโรงพยาบาล และแม่ก็ได้ตั้งชื่อเค้าว่า "พร" เพราะเค้าคือพรที่แม่เค้าขอต่อพระเจ้า เมื่อถึงวันที่ต้องออกจากโรงพยาบาลพรมีเพียงแม่และยายที่มารับเค้า บางคนสงสัยว่าพ่อของพรไปไหน คำตอบก็คือ พรไม่มีพ่อ? งงกันไหมล่ะ เพราะพ่อของพรทิ้งแม่และพรไปตั้งแต่ตอนที่แม่ของเค้าตั้งครรภ์ได้เพียง ๑๐ เดือนเท่านั้น (น่าสาร)

             วันเวลาผ่านไปพรก็ได้เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนใกล้บ้าน มีแม่และยายของเค้าผลัดกันเดินไปส่งที่โรงเรียนทุกเช้า พอเข้าในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ พรก็เดินไปโรงเรียนเองพร้อมเด็กแถวบ้านสองสามคนเป็นแบบนี้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ มีครั้งนึงในฤดูฝน ตอนเลิกเรียน พรยืนรอแม่ของตัวเองมารับด้วยความหวังและไม่ยอมไปกับใคร ถึงแม้น้าข้างบ้านที่มารับลูกของแกจะพาไปส่งด้วยก็ตาม

๑๐ นาทีผ่านไป

๓๐ นาทีผ่านไป

๑ ชั่วโมงผ่านไป  ก็ยังไร้วี่แววของแม่ พรตัดสินใจเดินกลับบ้านเองทั้งที่ฝนยังคงตกหนักพร้อมกับความผิดหวังที่หลั่งรินออกมาหลายหยด เมื่อเดินกลับมาถึงบ้านเห็นแค่ยายกำลังทำอาหาร มองไปรอบก็ไม่เห็นแม่ พรก็เลยถามยาย และคำตอบที่ได้มันทำให้พรถึงกับพูดไม่ออกยายบอกว่า "แม่ไปกินเหล้ากับเพื่อน" ในใจของพรนั้นคิดว่าแค่เกิดมาพ่อไม่มีถูกทิ้งตั้งแต่เด็กก็ปวดใจจะแย่ ไหนยายจะแก่หลงๆลืม แม่ก็ยังมากินแต่เหล้า เมาเกือบทุกวัน ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้ด้วย รู้สึกเหมือนขาดความอบอุ่น แต่จะทำไงได้ชีวิตต้องดำเนินต่อไป พรรีบอาบน้ำและมากวาดบ้าน นั่งทำการบ้าน และทานข้าวกับยายสองคน เพราะแม่ยังไม่กลับบ้านทั้งที่มันก็ปาไปตั้งสี่ทุ่มกว่าแล้ว


วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

ร่วมใจกันรักษาแม่น้ำลำคลอง

            คุณรู้หรือไม่ว่า? การที่แม่น้ำลำคลองของประเทศเราทุกวันนี้มีกลิ่นเหม็น ส่งผลให้ปลาที่อยู่ในน้ำตาย อากาศที่เคยสดชื่นก็กลับเป็นส่งกลิ่นเหม็นเพราะมี ถุงพลาสติก แก้วน้ำ ขวดน้ำอัดลม และอีกต่างๆอันมากมาย ที่อยู่ในแม่น้ำ ทั้งหมดนี้มันคงไม่ได้เกิดขึ้นเองหรอกค่ะ แต่มันเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของ
มนุษย์เราเอง

             เพราะความมักง่ายของใครหลายๆ ที่ทิ้งพวกขวดน้ำ ถุงพลาสติกต่างๆที่ตัวเองห่ออาหารมาพอทานหมดก็โยนทิ้งไปในแม่น้ำ คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทิ้งแค่คนเดี่ยวเอง อืม แต่ทว่าถ้ามีคนแบบนี้คืดเหมือนกัน คนนึงทิ้งอันเดียวแล้วคนไทยกี่สิบล้านคนล่ะค่ะ มีหวังขยะล้นแม่น้ำแน่ๆ

            ฉะนั้นเราควร คิดใหม่ ทำใหม่ ร่วมใจกันรักษาแม่น้ำลำคลองกันเถอะ มันไม่ยากเหนือบ่ากว่าแรงเราหรอกค่ะ แค่ทิ้งขยะให้ถูกที่ ทิ้งใส่ถังขยะ เพราะมันจะทำให้แม่น้ำลำคลองเรากลับมาใสสะอาดปราศจากสารเคมี ปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำนั้นก็จะไม่ตาย อากาศก็สดชื่น และทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น 

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

วิธีผ่อนคลายเท้า!!

            "เท้า" ซึ่งทุกคนก็มีคนละ ๒ ข้าง เป็นสิ่งที่พาเราไปไหนต่อไหนไม่ว่าจะเป็น เดินช้อปปิ้ง การวิ่ง การปืนผา การเดินขั้นบรรได จะเห็นได้ว่าเท้าของเรานั้นมีบทบาทอย่างมากในการดำเนินชีวิตของ ซึ่งถ้าขาดมันไปคงไม่ดีแน่ ฉะนั้นเมื่อเราใช้งานเท้าของเราอย่างหนักหน่วงแล้วเราก็ควรจะเอาใจใส่เท้าของเราบ้าง

วิธีผ่อนคลายเท้า

๑. นวดเท้าด้วยมือของเราเองหรือถ้าใครคิดว่านวดไม่เก่งนวดไม่เป็นก็ไปให้หมอนวดตามร้านนวดก็ได้ค่ะเพื่อที่จะได้รับการนวดเท้าแบบผ่อนคลายที่ดีสุดแถมเราอาจจะเพิ่มนวดเท้าเป็นนวดทั้งตัวก็ได้ค่ะเเบบว่าเพลินไปเลย

๒. การแช่น้ำอุ่น ซึ่งวิธีนี้ง่ายมาก สะดวกและรวดเร็วดีค่ะ ทำได้ง่ายๆโดย หาชามใหญ่ๆหรือกะละมังมาพร้อมกับเทน้ำอุ่นลงไป ผสมเกลือเล็กน้อย จากนั้นก็แช่เท้าทั้ง ๒ ข้างของเราลงไปในกะละมังหรือชามได้เลยค่ะ วิธีนี้ดีมากๆอยากให้ลองทำดูค่ะ แช่เท้าไว้นานประมาณ ๓o นาทีแค่นี้คุณก็จะรูสึกผ่อนคลายแบบสุดๆเลยล่ะค่ะ

๓. การใช้ครีมนวดกล้ามเนื้อเท้า(วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ใช้เท้ามาอย่างหนักหน่วง) ก็คือหาซื้อครีมนวดคลายกล้ามเนื้อเท้าจากห้างสรรพสินค้าต่างๆ หรือ ตามคลีนิคก็ได้ค่ะ แล้วก็ทำความสะอาดเท้าของเรา เช็ดให้แห้งและก็บีบครีมลงฝ่ามือนวดครีมให้เนื้อครีมกระตุ้นจากนั้นก็ทาลงบนฝ่าเท้าของเรา จากนั้นนวดตามปกติของเราเลยคือนวดแบบผ่อนคลายค่ะ

          เป็นยังไงบ้างคะวิธีการผ่อนคลายของเท้าเราง่ายๆค่ะลองทำดู เพราะเท้าของเราเป็นอวัยวะที่สำคัญของเราเหมือนกัน ฉะนั้นอย่าละเลยที่จะดูแลเลยค่ะ

วิธีลดโลกร้อน

            โลกของเราทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากส่วนมากแล้วล้วนแต่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น มนุษย์ได้กระทำการเผาเชื้อเพลิงหรือพวกขยะพลาสติก รวมถึงพวกสารเคมีต่างๆ จึงทำให้เกิดภาวะโลกร้อนขึ้น 

             ดังนั้นจึงทำให้โลกของเราทุกวันมีการเปลี่ยงแปลงไปในทางที่แย่ลง เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม ไฟไหม้ป่า อากาศเป็นพิษ ซึ่งทุกคนน่าจะจดจำเรื่องราวของเหตุการณ์ที่เรียกว่า "สึนามิ" ที่จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นั้นประเทศของเราได้สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ถ้าหากว่าเราทุกคนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้ เราควรมาช่วยกันรักษาโลกของเรากันเถอะค่ะ

วิธีลดโลกร้อน


๑.ทุกครั้งที่มีการใช้ไฟฟ้าด้วยการ เปิดทีวี ฟังเพลง รีดผ้า ซักผ้า หุงข้าว ทำอาหาร เมื่อเลิกใช้งานแล้วก็เปิดเครื่องถอดปลักไฟด้วยค่ะ

๒.ควรหันมาใช้ถุงกระดาษหรือถุงพลาสติกที่มีเครื่องหมายลดโลกร้อน

๓.เมื่อซื้อสินค้าประเถทเครื่้องใช้ไฟฟ้าให้มองหาฉลากที่บอกว่า "ประหยัดไฟเบอร์ ๕"

๔.เปิดไฟที่ไม่จำเป็น เปิดที่ดวงที่จำเป็นเท่านั้น

๕.ถ้าเคยออกกำลงกับเครื่องออกกำลังควรเปลี่ยนมาวิ่งออกกำลังตามสถานที่ต่างๆ เช่น 


สวนสาธารณะ สนามวิ่งที่เค้าเปิดให้ประชาชนวิ่งได้ ฯลฯ

๖.รู้จักการประหยัดน้ำมัน เช่น ถ้าจะไปซื้อของแค่ปากซอยทางเข้าบ้านที่ไม่ไกลมากนักก็ปั่นจักรยานไปดีกว่าเป็นการออกกำลังไปในตัวด้วย



๗.สำรวจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านว่าอันไหนที่เก่ามากสมัยคุณพ่อ คุณแม่เราก็ควรเอาออกได้แล้วเพราะว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นเก่านั้นเปลืองไฟกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตมาในปัจจุบันเพื่อการประหยัดไฟที่ดีกว่า เช่น ตู้เย็น ทีวี เครื่องเสียง  เครื่องซักผ้า ฯลฯ

๘.เวลาว่างๆก็หาต้นไม้มาปลูกเพื่อความร่มเย็นและความร่มรื่นให้กับบ้านของเราแถมยังช่วยเรื่องอากาศที่ดีด้วย

๙.ไม่ทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลองเป็นเด็ดขาด

๑o.ถึงบ้านคุณจะมีรถหลายคันแต่ถ้าวันไหนพี่น้องของคุณมีธุระที่จะต้องไปทางเดียวกันก็ควรจะนั่งรถไปด้วยกันเพื่อความประหยัดน้ำมัน



๑๑.ไม่ตัดไม้ทำลายป่า แต่ควรช่วยกันอนุรักษ์ผืนป่าของเราไว้

๑๒.ลดการใช้สารเคมีรวมไปถึงการเผาขยะ
  

   ถึงยังไงก็ขอให้ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือนะคะไม่ต้องไปชักชวนคนอื่นก่อนก็ได้เริ่มที่ตัวเราเองก่อนทำด้วยวิธีง่ายๆโลกเราจะได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งค่ะ

วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557

วิธีคิดบวก

            การที่เราจะใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันนี้ บางคนอาจมองโลกในแง่ร้าย คิดหวาดระแวงไม่มั่นใจต่อสิ่งใดทำให้การดำเนินชีวิตของเค้าไม่มีความสุขเพราะเค้าไม่เคยคิดดีชีวิตก็จะมีแต่ความสับสนวุ่นวายเพราะตัวเค้าเอง ผิดจากคนที่มองโลกในแง่ดี มีความคิดที่ดี ทำแต่สิ่งที่ดี มีจิตสงบ ใจเป็นสุข ไม่หวาดระแวงและเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลง

            แต่ในอีกแง่หนึงก็มีเสียงคัดค้านว่า สำหรับคนที่่มองโลกในแง่ร้ายมันจะทำให้การดำเนินชีวิตเค้าไม่มีความสุขเลย อยู่กับความหวาดระเเวง ไม่เชื่อและไว้ใจใครเลย แต่มันก็เหมือนเป็นเกาะป้องกันชั้นดีสำหรับการดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ ณ ปัจจุบัน  ส่วนคนที่คิดดี ทำดีกับทุกๆคน มองโลในแง่ดี มีความรัก มีน้ำใจกับทุกๆ อันนี้น่าเป็นห่วง เพราะคนแบบนี้คือเค้าดีก็จริงแต่จะโดนหลอกได้เพราะคำว่า "ดี" กับคำว่า "โง่" มันใกล้กันนิดเดียว
           
            สรุปง่ายๆก็คือ คนที่มองโลกในแง่ดีเกินไปก็ขอให้มองโลกให้เป็นสีเทาๆบ้างเท่านั้นเองค่ะไม่ต้องมองโลกให้มันเป็นสีขาวมากนัก เวลาเราคิดหรือทำก็เผื่อใจไว้ครึ่งหนึ่งเท่านั้นเองค่ะให้มองว่าโลกใบนี้มีทั้งคนดี และคนที่ไม่ดี

             คนที่มองโลกในแง่ร้ายนั้นก็ดีแต่มันไม่มีความสุขฉะนั้นก็ต้องปรับตัว คิดในสิ่งที่ดี ทำสิ่งดีๆรู้จักการให้ มองโลกในแง่ดีบ้าง เอาแบบเจอกันครึ่งทาง คือไม่ต้องถึงกับหวาดระเเวงทุกคนแต่ให้รู้จักการเปิดใจเชื่อใจคนอื่นบ้างครึ่งหนึ่ง เพราะถ้ายังคิดร้ายมองโลกในแง่ร้ายชีวิตก็จะไม่เป็นสุข

ซึงเรามีวิธีคิดบวกมาให้คุณซึ่งจะทำให้คุณเรียนรู้และมีความสุขได้แค่คุณคิดบวกค่ะ

๑.เวลาเจอคนที่ร้ายกับเรา ให้สงสารเค้าที่เค้าเพราะไม่มีใครที่อยากมีกรรม และคนๆนั้นอาจจะไม่ได้รับการอบรมที่ดีก็ได้ ฉะนั้นให้หลีกเหลียงดีกว่า เพราะคนเรา ร้อยพ่อพันแม่ มันไม่เหมือนกัน

๒.เวลาเรียนแล้วรู้สึกท้อ ให้คิดถึงคนที่เค้าไม่มีโอกาสเรียนเหมือนอย่างเรา

๓.เวลาทำงานผิดพลาด ให้คิดว่าถ้าไม่รู้จักผิดแล้วเราจะรู้จักถูกได้อย่างไร

๔.เวลาที่เหลือเงินไม่มาก ให้นึกถึงขอทานพิการตามข้างถนนหรือสะพานลอยเพราะเค้าไม่สามารถหาเงินทำแบบเราได้ เพราะถ้าการที่เรายังมีงานทำอยู่ทุกวันก็เป็นกลักประกันได้ว่าเรามีเงินใช้ทุกเดือน จะพอใช้หรือไม่พอใช้ก็ขึ้นยุที่ตัวเราเอง

๕.เวลาอักหัก โดนแฟนทิ้ง ให้คิดซะว่าเค้าพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตแล้วล่ะ

๖.ถ้ามองฟ้าแล้วรู้ว่าไปไม่ถึง ให้มองภูเขาแทน ไม่แปลกหรอกที่ใครๆก็ต่างหวังอะไรที่มันสูงๆกันทั้งนั้นแต่ให้นึกถึงระดับตนเองก่อนถ้าท้องฟ้าเราไปไม่ถึงเปลี่ยนเป็นภูเขาก็ได้อยู่ที่ใจเรามองมากว่า

.เวลาทะเลาะกับครอบครัวให้นึกถึงคนที่ไม่มีคนรัก เพราะการที่เรามีครอบครัวคอยเป็นห่วงเรา คอยตักเตือนในสิ่งที่มองว่าเราทำไม่ดี นั่นแสดงว่ามีคนที่เค้ารักเรา

๘.เวลาเจออุปสรรค ให้คิดว่าเป็นการฝึกฝนสมองและความสามารถ ถ้าคุณสามารถผ่านมันไปและแก้ไขได้คุณก็จะมีความสุข


เป็นยังไงกันบ้างคะวิธีคิดบวกต่างๆ ซึ่งวิธีคิดบวกต่างๆนั้นมันก็เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงและสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตของเราเองค่ะ หวังว่ามันจะช่วยให้คุณผู้อ่านได้อะไรจากวิธีคิดบวกทั้ง ๘ ข้อนี้บ้างนะคะ



วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

นี่หรือคือรักแท้

            วันนี้ขณะเขียนบล็อก ฝนตก ฟ้าร้อง ลมมาเป็นจังหวะ อยู่ๆก็นึกถึงเรื่องราวของ " ความรัก" ขึ้นมาค่ะซึ่งถ้าจะย้อนถามไปถึงผู้อ่าน ทุกๆคนล้วนแต่มี "ความรัก" ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบครอบครัว ความรักแบบเพื่อน ความรักแบบคนรัก
             ซึ่งจะขอกล่าวเกี่ยวกับ " ความรักแบบคนรัก" ถ้าคนที่กำลังมีแฟน หรือคนที่กำลังแอบรักคนอื่นยุนัั้น คุณน่าจะรู้ดีว่าความรักเป็นยังไง บางคนอาจจะเปรียบว่าความรักเหมือน กุหลาบเพราะว่าสวยแต่มีหนาม ซึ่งหมายถึง เมื่อตอนรักกันอะไรๆก็ดูดีดูสวยไปหมด แต่เมื่อไหร่ที่หมดรักแล้วก็เหมือนหนามที่คอยทิ่มแทงใจกัน ซึ่งทุกคนก็คงมีนิยามความรักของตัวเองอยู่แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญคือเมื่อรู้ตัวเองมีมีความรู้สึกดีต่อคนอื่นมากๆแต่ไม่มั่นใจว่ารักหรือเปล่ารึแค่ชอบ ดังนั้นเรามาดูกันซิว่าคุณรักเค้าจริงหรือเปล่าหรือว่าคุณแค่ชอบรึแค่เหงา

๙ ข้อที่บ่งบอกว่าคุณรักเค้าเข้าแล้ว

๑.เค้าจะเป็นคนเเรกที่คุณคิดถึง ไม่ว่าจะเป็นในยามที่คุณมีความสุขหรือคุณกำลังมีเรื่องทุกใจคุณก็อยากจะพูดให้เค้าฟังเป็นคนแรก
๒.เวลาที่คุณป่วย คุณอยากให้เค้ามาเยื่ยม หรือมาดูแลคุณ
๓.สิ่งไหนที่เค้าชอบ หรือไม่ชอบ คุณก็จะจำได้อย่างแม่นยำ เช่น เมนูโปรด สีที่ชอบ วันเกิด สถานที่ท่องเที่ยว ดอกไม้ ฯลฯ
๔.ชอบมองหน้าเค้าเวลายิ้ม พอเห็นเค้ายิ้มคุณก็รู้สึกว่ามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
๕.เมื่อใดที่เค้าเจ็บคุณก็จะรู้สึกเป็นห่วงมากๆและรู้สึกเจ็บกว่าเค้าหลายเท่า
๖.เมื่อคุณเห็นมีคนอื่นเข้าหาเค้าคุณก็จะรู้สึกไม่ดีหรือหวงนั่นเอง
๗. คุณอยากพาเค้าให้ไปรู้จักกับครอบครัว
๘. คุณอยากปรับปรุงตัวเองให้ดีกว่าเดิมเพื่อให้เค้าเห็นค่าของคุณและมองคุณในแง่ดี
๙.เมื่อเค้าหายไปจากชีวิตคุณ คุณจะรู้สึกเหมือนไม่มีอากาศหายใจ



วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

๙ วิธีที่ช่วยให้นอนหลับ

            หลายๆอาจจะประสบปัญหาการนอนไม่หลับทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอและส่งผลเสียต่อร่างกายของเรา ในด้านของใบหน้า ก็จะทำให้ใบหน้าหมองคล้ำ ขอบตาดำ มีรอยตีนกาขึ้นก่อนวัยอันควร ส่วนในด้านการทำงานก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของงานทำให้งานออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งนี้ที่กล่าวมาทั้งหมด การที่เรานอนไม่หลับนั้นมันมีแต่ส่งผลในด้านที่ไม่ดีเอาซะเลย

             ดั้งนั้นเราจึงมีวิธีที่จะช่วยให้คุณนอนหลับง่ายและพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งมี ๙ วิธีดังนี้

๑.งดดื่มกาแฟ,น้ำอัดลม

๒.ออกกำลังกาย

๓.ไม่เครียดทำจิตใจให้ผ่อนคลาย

๔.นั่งสมาธิ 

๕.อ่านหนังสือที่เราไม่ชอบ

๖.ฟังเพลงคลาสสิค

๗.ห้ามดื่มแฮลกอฮอล์และสูบบุหรี่

๘.ทานอาหารให้อิ่มทุกมื้อและมื้อเย็นก่อนนอนควรทานก่อน ๓ ชั่วโมง

๙.จัดห้องนอน,รักษาความสะอาดและกลิ่น